Promt R9 thumbnail

Private Residence | เฉลิมพระเกียรติ ร.9

Scope: Photography

Year: 2025

Location: เฉลิมพระเกียรติ ร.9

Area: Private Residence ขนาด 300 – 350 sq.m



บันทึกความงามเหนือกาลเวลา ด้วยงานตกแต่งของ Promt Decoration & Interior Design

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของทีมงาน takealook360.com คือการได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปบันทึกภาพผลงานการออกแบบตกแต่งภายในของ Private Residence ส่วนตัวบนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โดยครั้งนี้เราได้ร่วมงานกับ Promt Decoration & Interior Design บริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่มีผลงานโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัตถุประสงค์หลักของเราคือการสร้างสรรค์ Portfolio ภาพนิ่งที่สามารถสื่อสารงานออกแบบออกมาให้ได้สมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อให้ทุกรายละเอียดที่นักออกแบบได้รังสรรค์ไว้ ถูกถ่ายทอดไปยังผู้ชมได้อย่างเที่ยงตรงและงดงาม

เมื่อดีไซน์ Modern และ Contemporary หลอมรวมเป็นหนึ่ง

ความพิเศษของโครงการนี้อยู่ที่แนวทางการออกแบบ ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสไตล์โมเดิร์น (Modern) และร่วมสมัย (Contemporary) ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้ยึดติดกับกรอบของสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง แต่เป็นการดึงเอาจุดเด่นของแต่ละสไตล์มาใช้ร่วมกันอย่างมีชั้นเชิง ตามวิสัยทัศน์ของสถาปนิกและความชื่นชอบส่วนตัวของเจ้าของบ้าน

เราจะเห็นการใช้งาน “ไม้จริง” ที่มอบความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ และแฝงไปด้วยความคลาสสิก ตัดกับเส้นสายที่เฉียบคมและ “ดีเทลสมัยใหม่” ของเฟอร์นิเจอร์และองค์ประกอบต่างๆ ในขณะเดียวกัน ก็มีการหยิบยืม “ดีเทลคลาสสิก” บางอย่างเข้ามาเบรกความแข็งกระด้าง สร้างมิติที่น่าสนใจ ทำให้บ้านหลังนี้มีคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นพื้นที่ที่ดูทันสมัยแต่ก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นเหนือกาลเวลาไปพร้อมกัน

ความท้าทาย: การสื่อสาร “สีที่แท้จริง” ของวัสดุ

หัวใจสำคัญของการถ่ายภาพงานตกแต่งภายในที่มีความซับซ้อนเช่นนี้ คือการนำเสนอโทนสีที่แท้จริงของวัสดุแต่ละชิ้นให้ปรากฏในภาพถ่าย งานไม้ต้องมีสีและลายไม้ที่ถูกต้องตามธรรมชาติ, วัสดุผิวสัมผัสมันวาวต้องสะท้อนแสงอย่างสมจริง, ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ต้องมีเฉดสีที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่นักออกแบบเลือกสรร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานออกแบบตกแต่งภายในโครงการนี้ มีการเลือกใช้ผนังกรุคิ้วบัวพ่นสีขาวครีม ซึ่งเป็นความท้าทายในการถ่ายภาพอย่างมากเนื่องจากสีส้มจากไฟตกแต่งจะฉายเข้าไปที่ผนังดังกล่าว ทำให้สีติดส้มและไม่สามารถถ่ายทอดสีที่แท้จริง

ความท้าทายหลักคือ “การผสมแสง” (Mixed Lighting) ภายในบ้านมีทั้งแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ซึ่งมีอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงตลอดวัน และแสงไฟประดิษฐ์ภายในบ้าน ซึ่งมักจะเป็นแสงสีวอร์มไวท์ (Warm White) ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่ก็สามารถสร้างปัญหา “สีเพี้ยน” (Colorcast) ทำให้วัสดุต่างๆ ติดโทนสีส้มเหลืองไปทั้งหมด หากใช้เทคนิคการถ่ายภาพแบบทั่วไป จะเป็นการยากอย่างยิ่งที่จะเก็บทั้งบรรยากาศของแสงไฟและสีที่ถูกต้องของวัสดุไว้ได้ในภาพเดียว

เทคนิค Hybrid Photography (HDR + Flambient)

เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ เราได้นำเทคนิคการถ่ายภาพขั้นสูงแบบ “Hybrid” ซึ่งเป็นการผสมผสานจุดแข็งของการถ่ายภาพสองรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน คือ HDR (High Dynamic Range) และ Flambient (Flash + Ambient)

ขั้นตอนการทำงานของเราประกอบด้วย:

  1. ถ่ายภาพตอนเปิดไฟ (HDR Shot): เราเริ่มต้นด้วยการถ่ายภาพโดยใช้ Lighting ที่มีอยู่จริงในห้องเป็นหลัก และใช้เทคนิค HDR เพื่อเก็บข้อมูลแสงในทุกย่าน ตั้งแต่ส่วนที่สว่างที่สุด (วิวนอกหน้าต่าง) ไปจนถึงส่วนที่มืดที่สุด (เงาในมุมห้อง) ภาพชุดนี้จะให้มิติแสงเงาจากงานออกแบบตกแต่งภายในครบถ้วน
  2. ถ่ายภาพตอนปิดไฟ (Ambient Shot): จากนั้น ณ ตำแหน่งเดิม เราจะถ่ายภาพอีกหนึ่งใบโดยใช้แสงธรรมชาติ เพื่อให้ได้แสงที่ขาวสะอาดและกระจายตัวอย่างนุ่มนวลทั่วทั้งห้อง ภาพใบนี้มีหน้าที่หลักคือการ “บันทึกสีที่ถูกต้อง 100%” ของวัสดุทุกชิ้นในห้อง โดยที่ไม่มีไฟตกแต่งเข้ามาส่งผลต่อสีของเฟอร์นิเจอร์
  3. การผสมผสานภาพ (Blending): ในขั้นตอน Post-Production เรานำภาพทั้งสองรูปแบบมาซ้อนกันอย่างพิถีพิถัน โดยใช้ภาพแสงธรรมชาติเป็นโครงสร้างหลักของบรรยากาศ ผสมผสานกับแสงตกงานตกแต่ง และเลือกคัดโสนสีจากภาพขณะปิดไฟเพื่อแสงสีที่แท้จริงของวัสดุตกแต่งภายใน

ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ

ผลลัพธ์ที่ได้จากเทคนิค Hybrid นี้ คือภาพถ่ายที่มีทั้งมิติความลึกของแสงเงาตามธรรมชาติ, บรรยากาศที่อบอุ่นสมจริงจากแสงไฟในห้อง และที่สำคัญที่สุดคือ สีสันของวัสดุทุกชิ้นมีความเที่ยงตรงสูงสุด ตรงตามที่ Promt Decoration & Interior Design ได้ตั้งใจเลือกใช้ทุกประการ

การถ่ายภาพครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการเก็บภาพเพื่อทำ Portfolio แต่คือการทำงานร่วมกันเพื่อรักษาวิสัยทัศน์ของนักออกแบบเอาไว้ และถ่ายทอดมันออกไปสู่สายตาของผู้ชมได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการบันทึกความงดงามของผลงานออกแบบชิ้นนี้ และทำให้เรื่องราวที่สถาปนิกและนักออกแบบต้องการจะเล่า ผ่านวัสดุและพื้นที่ว่าง ถูกสื่อสารออกไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด